ทักษะ “การพูดดึง” ที่พิธีกรอีเว้นท์ ต้องมี!

วิธีการที่ทำให้งานราบรื่น ผู้ฟังไม่รู้สึกสะดุด อยากให้นึกภาพละครเวทีที่มีการเปลี่ยนฉาก เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวละคร เพิ่มอุปกรณ์เข้ามาในฉาก มักจะทำให้ไฟบนเวทีในจุดที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมืดลง  และสว่างในจุดอื่น ด้วยตัวละครอื่น เราคือ คนๆ นั้น

พิธีกร คือ คนเล่าเรื่อง เพื่อดึงความสนใจผู้ชม ให้คล้อยตามเรื่องราวที่ดำเนินไป หันมาอีกทีตัวละครใหม่ก็เดินเข้าฉากมาแล้ว เมื่อทุกอย่างนิ่ง พิธีกรจึงเอ่ยถึงสิ่งที่จะเกิดในลำดับต่อไป ดังสปอตไลท์ที่ฉายไปยังตัวละครที่ยืนรอในความมืดของฉากเดียวกัน และพร้อมทำการแสดง  นี่แหละค่ะ งานของพิธีกร ทำให้ทุกอย่างราบรื่น ด้วยลีลาเฉพาะตัว ที่เหมาะสมกับรูปแบบของงาน

ในบางสคริปต์ลงรายละเอียดมาให้ แต่บ่อยครั้งที่มาเป็นสคริปต์คร่าวๆ  ซึ่งพิธีกรต้องจัดการบรรทัดล่องหนนี้เอง  ด้วยการสอดแทรกข้อความต่างๆ ที่เกี่ยวกับงาน โดยดูเจ้าภาพเป็นหลัก

• ถ้าเป็นงานเป็นตัวผลิตภัณฑ์ก็เน้นที่ประโยชน์ คุณค่า การใช้สอย พรีเซนเตอร์
• ถ้าเป็นงานแสดง คอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า เล่นมุขสายบันเทิงบ้าง หยอกคนร่วมงานบ้าง ก็ย่อมได้
• ถ้าเป็นงานหน่วยงานราชการจริงจังทางการ ควรพูดถึงวัตถุประสงค์ รายละเอียดต่างๆ ของงาน  ชื่อหน่วยงาน

ไม่ใช่พูดไปเรื่อยแต่ไม่เกี่ยวกับงานค่ะ  แล้วจะต้องพูดอะไร สารเหล่านั้นมาจากไหนล่ะ..

คำตอบคือ  สรุปถ้อยความจากสิ่งที่เกิดขึ้นในลำดับก่อนหน้านั้น อาทิ เนื้อหาวิดีทัศน์ การแสดงที่จบลงไป คำกล่าวรายงาน และใช้วิธีกันเหนียว เตรียมชุดข้อมูลเบื้องต้น จงทำการบ้านเรื่ององค์กร เรื่องงานที่เคยจัดมาในปีก่อนหน้า เข้าเวบไซต์หน่วยงาน ข่าวที่เกี่ยวข้อง ศึกษาให้ทะลุปรุโปร่ง เป็นเสื้อชูชีพช่วยชีวิต ตกฮ.ไม่ตาย ตกน้ำยังประคองตัวได้ มาหลายงานแล้วค่ะ

เมื่อเติมเต็มบรรทัดล่องหนไว้ในสคริปต์แล้ว สบตาทีมงานนะคะ เมื่อทุกคนพร้อม เรารันคิวอย่างมั่นๆ ต่อไปได้เลยค่ะ